Where you can find unique leisure information inThailand
Travel Section
Info.in.th : ท่องเที่ยว (Travel) : พังงา (Pang Nga) : เกาะพระทอง(Pratong Island) : ภาษาไทย (Thai Version)

English version

Pratong Island Home-stay
เรื่องโดย Dr. K, ปรับปรุงโดย Gio.


มเคยมีโอกาสได้มาทำงานอยู่ในจังหวัดพังงาเมื่อปี2540 ระหว่างนั้นก็ได้เดินทางท่องเที่ยวตามหมู่เกาะต่างๆในภาคใต้ไม่น้อย
เกาะพระทองเป็นเกาะที่อยู่ในจังหวัดพังงาและสามารถไปได้ง่าย ทั้งๆที่อยู่ใกล้ขนาดนั้นแต่ผมกลับมองข้ามความสวยงามนี้ไปได้
จนกระทั่งกลับมาอยู่กรุงเทพฯจึงได้รับข้อมูลจาก คำบอกเล่า และนิตยสารต่างๆ ทำให้รู้สึกว่าเมื่อมีโอกาสจะไปให้ได้สักครั้ง

การเดินทางไปเกาะพระทองนั้น ต้องมาลงเรือที่ท่าเรือคุระบุรี หรือท่าเรือกรีนวิว (Greenview) อ.คุระบุรี จ.พังงา
โดยทางรถยนต์ส่วนตัวทางถนนเพชรเกษม เลี้ยวขวาที่ อ.หลังสวนไปทางพะโต๊ะ จ.ชุมพร (ทางหลวงหมายเลข 4006) จนถึงแยกราชกรูดแล้ว เลี้วยซ้ายอีกไม่กี่สิบกิโลเมตร ก็จะถึงปากทางเข้าท่าเร์อคุระบุรี(ซึ่งถึงก่อนตัวอำเภอคุระบุรี)
หรือจะให้ประหยัดเวลาและสะดวกที่สุด น่าจะเป็นการเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางแบบ VIP มาลงที่ปากทางเข้าท่าเรือ และต่อ มอเตอร์ไซค์หรือ รถสองแถวประจำทางเข้าสู่ท่าเร์อได้เลย
ท่าเรือกรีนวิว (Greenview) เป็นของคุระบุรีกรีนวิวรีสอร์ท (Greenview Resort, Kuraburi) สำหรับเดินทางไปกระท่อม Moken, เรือเร็ว (speedboat) สู่หมู่เกาะสุรินทร์
ส่วนท่าเรือคุระบุรี ส่วนใหญ่เป็นท่าเรือสำหรับการประมงและ มีส่วนที่ชาวบ้านทั่วไปใช้ซึ่งยังไม่มีเรือโดยสารประจำไปที่เกาะ จึงยังคงต้องเหมาเรือไป-กลับอยู่
ทันทีที่รวมสมัครพรรคพวกได้ พวกเรา 4คนจึงออกเดินทางสู่ท่าเรือคุระบุรี ความตั้งใจแรกพวกเราตั้งใจจะไปพักกับที่พักของอุทยานฯ แต่จากการสอบถามร้านอาหารที่ท่าเรือไม่มีใครพูดถึงที่ทำการอุทยานฯเลย และจากการสอบถามจากที่ทำการอุทยานฯว่าไม่มีที่ทำการบนเกาะพระทอง แต่มีบนเกาะระแทน ต่อมาพวกเราจึงมาทราบในภายหลังว่า แม้จะได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติแล้วแต่ ยังคงมีความขัดแย้งกันอยู่ระหว่างทางราชการกับชาวบ้าน
เราจึง ได้รับคำแนะนำให้ไปพักกับ Home-stay ที่หมู่ 4 บ้านปากจก แห่ง อ.เกาะพระทอง พวกเราหูผึ่งทันที เพราะอยากกินอาหารทะเลสดๆฝีมือชาวบ้านแท้ๆ และบังเอิญเจ๊ปูเจ้าของบ้านขึ้นฝั่งมาซื้อของพอดี เราจึงได้โอกาสติดเรือไปที่เกาะด้วย

เกาะพระทองจริงๆแล้วเป็นตำบล เกาะพระทอง ประกอบไปด้วย เกาะพระทอง เกาะระ เกาะคอเขา หมู่เกาะสุรินทร์ และหมู่เกาะสิมิลัน มีหมู่บ้านอยู่ 4หมู่บ้าน
3หมู่บ้านอยู่บนเกาะพระทอง อีกหมู่บ้านอยู่บนเกาะระ
ลักษณะของเกาะเป็นพื้นราบ รอบๆเกาะเป็นป่าชายทะเล ด้านนอกเป็นป่าชายเลน ด้านในเป็นทุ่งสะวันน่า (Sawanna) ตรงข้ามกับเกาะระที่อยู่ติดกัน ซึ่งเป็นภูเขาสูง และป่าดงดิบ
สภาพภายในเกาะยังบริสุทธิ์อยู่ ประกอบกับ เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศไทย ระยะทางจากหัวไปถึงท้ายเกาะไกลถึง 16 กิโลเมตร และยังไม่มีถนนเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้าน
การเดินทางภายในเกาะนอกจากการเดินเท้าจะทำได้ 2 วิธีคือ ใช้รถ 4WD ซึ่งมีอยู่ 3คันในเกาะ หรือ ใช้รถ tractor ติดรถพ่วง

ขณะที่ไปถึงเกาะเป็นตอนเที่ยง จะต้องรอรถมารับไปเที่ยวในตอนบ่าย จึงมีเวลาเหลือให้พวกเราได้เดินเล่นชมทะเล ระหว่างทางเจอรถ tractor ติดหล่มทราย แม้ว่าจะช่วยกันหลายคน ก็ไม่สามารถช่วยได้ จนกระทั่งมีรถอีกคันช่วยลากขึ้นมาได้
บ่ายวันนั้นเราใช้รถ Land Rover ไปทุ่งหญ้าสะวันน่า (Sawanna) ผ่านถนนคอนกรีตเส้นเดียวของหมู่บ้าน ที่มีจักรยานจอดอยู่เป็นระยะๆ เนื่องจากจำนวนจักรยานมีมากกว่ารถยนต์มาก โกคนขับรถต้องคอยลงไปเลื่อนจักรยานออกจากถนนบ่อยๆ
พ้นออกจากหมู่บ้านเป็นป่าโปร่ง เลยลึกเข้าไปลักษณะป่าจะเริ่มเปลี่ยนจนในที่สุด ต้นไม้ที่เหลือส่วนใหญ่จะมีแต่ทุ่งหญ้า กับต้นเสม็ด (Paper-gum) บนผืนทรายขาวละเอียดเหมือนแป้ง เวลาลมพัดมาทีทรายฟุ้งเป็นศัตรูตัวร้ายต่ออุปกรณ์ถ่ายภาพของพวกเรา บรรยากาศยามเย็นแถวๆนี้ยิ่งสวย เวลาพระอาทิตย์ทอดแสงมากระทบผืนหญ้าสีทองเป็นประกายได้อารมณ์จริงๆ
ต้นไม้แถวนี้ก็ต้องปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมเช่น ต้นเสม็ด (Paper-gum) ที่มีเปลือกหนาสีขาวล้อมลำต้นสีน้ำตาลแดงที่อุ้มน้ำไว้ (เปลือกสามารถนำไปทำกระดาษ และ ขี้ชันได้) ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ที่คอยดักแมลงไว้เป็นอาหาร
ตอนเย็นจากทุ่งหญ้าสะวันน่าก็ไปยังชายหาด ขณะนี้มี resort อยู่ 2 แห่งคือ
กระท่อมมอเก็น เป็นเจ้าของเดียวกับท่าเรือกรีนวิว และ คุระบุรีกรีนวิว ตอนแรกคิดว่าเอาชื่อมาจากชาวมอแกน (Morgan)แล้วเพี้ยนเป็นมอเก็น (Moken) (คิดเอาเอง)แต่ชาวมอแกนนั้นแท้จริงแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มมอเก็นที่ย่อยลงไปอีกเป็น
มอเก็นปูลาอยู่ตามหมู่เกาะในพม่าลงมาถึงระนอง มอเก็นตามับอยู่ในเขตเกาะพระทองและชายฝั่ง อ.ตะกั่วป่า อีก 2กลุ่มที่เหลือคือ มอเกล็นอยู่บริเวณ อ.ตะกั่วป่าไปถึงภูเก็ต และ อูรักลาโว้ย ร่อนเร่ตามเกาะสิเหร่ หาดราไวย์ มอเก็นตามับคงเป็นที่มาของชื่อรีสอร์ทนี้มากกว่า
อีกหนึ่ง resort อยู่ปลายหาดอีกด้านหนึ่ง เป็นของชาวต่างชาติ ชื่อสุดขอบฟ้า (The Lost Horizon) ทั้งสองที่นี้เป็นที่ที่ดูพระอาทิตย์ตกได้สวยที่สุดที่หนึ่งเลยทีเดียว ทำให้กว่าจะได้กลับที่พักก็มืดแล้ว

ยามเช้าที่สะพานปู (เป็นชื่อของท่าเรือที่ชาวบ้านเรียกกัน) ก็น่าสนใจไม่น้อย พระอาทิตย์ขึ้น (อีกแล้ว) บนป่าโกงกางสวยไม่แพ้เมื่อวาน ชาวบ้านค่อยๆทยอยนำเรือออกไปวางลอบดักสัตว์น้ำ บางลำก็ออกไปกู้ลอบที่วางไว้เมื่อวาน รอบๆสะพานปูตอนน้ำลงเป็นเลนกว้าง มองดูดีๆ จะเห็นปูก้ามดาบออกมารำดาบกันขวักไขว่ สมชื่อสะพานปู

วันนี้พวกเรานัดเรือมารับกลับตอนเก้าโมงเช้า ระหว่างรอได้นั่งคุยกับ คุณพิสุทธิ์(คือเจ้าของรถแทรกเตอร์ที่ติดหล่มเมื่อ2วันก่อน) ถึงได้รู้ว่ายังมีที่ที่น่าสนใจบนเกาะพระทองอีกหลายแห่งที่ยังไม่ได้ไป ทั้งป่าเสม็ดแคระที่มีบึงบัวเผื่อนหลากสี นกตะกรุมที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น และ กวางป่าที่ออกมาหากินเวลากลางคืน
จนคุณพิสุทธิ์สังเกตเห็นสีหน้าแสดงความเสียดายของพวกเรา จึงบอกให้โกแดงผู้ชำนาญพื้นที่ ช่วยขับรถแทรกเตอร์ พาไปป่าเสม็ดแคระซึ่งเลยทุ่งสะวันน่าไปทางใต้
ต้นเสม็ดแคระมีลักษณะเหมือนต้นเสม็ดขนาดใหญ่ที่อยู่ในทุ่งสะวันน่า มีอายุเป็นร้อยปีแล้ว ผิดแต่ว่ามีขนาดเตี้ยกว่ามาก ถัดจากป่าเสม็ดแคระเป็นบริเวณที่มีกล้วยไม้อยู่เยอะ แต่ตอนนี้แล้งไม่มีดอกแล้ว ขากลับสังเกตเห็นหลักแบ่งเขต มาทราบภายหลังว่าบอกว่านายก อบต. มาปักไว้เพื่อกันไม่ให้ชาวบ้านมาถางป่า

คิดไม่ผิดจริงๆที่เลือกมาอยู่ Home-stay ในหมู่บ้านนอกจากจะได้รู้จักสถานที่ต่างๆ ในเกาะแล้ว ยังทำให้ทราบถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และน้ำใจที่พาพวกเราไปที่ๆเรายังไม่ได้ไป ก็ขอขอบคุณ คุณพิสุทธิ์ โกแดง และชาวบ้านปากจกที่ให้ความเอื้อเฟื้อกับพวกเราเป็นอย่างมาก
เกาะระคือเป้าหมายต่อไปของพวกเรา ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสจะกลับมาเล่าสู่กันฟังอีกครับ

index.jpg

This gallery was generated by jpgind

© Copyright 2004, Gio@Info.in.th. All rights reserved.
All trademarks and registered trademarks are belong to the respective owners. Some or all part of this document cannot be redistribute or re-release without any prior permission.